Sunday, October 08, 2006

 

After Coup De'tat 2006

-

มีหลายท่านสงสัย ว่าบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร ในช่วงหลังการเกิดรัฐประหาร ในปี2006ครั้งนี้

ตอนนี้บางท่านอาจเห็นว่าบ้านเมืองเรา แบ่งกลุ่มเป็นเพียงแค่สองหรือสามพวก แต่ในทัศนะของผม ผมเชื่อว่าตอนนี้บ้านเมืองเราแบ่งได้มากกว่านั้นมาก ณ ตอนนี้ และกำลังรบกันเชิงรัฐศาสาตร์อย่างดุเดือด

มาดูทัศนะความคิดผม ว่ามิติการมองของผม เห็นว่าแต่ล่ะกลุ่ม เป็นอย่างไร และใครคือผู้นำของแต่ล่ะกลุ่ม และกลุ่มไหนกำลังจะซุ่มเข้าโจมตีกันและกัน


มวยคู่แรก ที่น่าติดตามชม คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจอกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล

ที่ถ้ารัฐบาลทหารนี้ (ในนามรัฐมนตรีที่คุมทางด้านเศรษฐกิจ) ไม่ได้ให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอกับสิ่งที่คุณสนธิต้องการแล้วล่ะก็ (ไม่ว่าจะเป็นASTVที่จะได้เข้าเป็นFree TVก็ดี หรือผลประโยชน์ทางการโฆษณาต่าง ๆ ก็ดี) มวยคู่นี้ เกิดขึ้นแน่นอนครับ


ซึ่งใครเป็นแฟนคลับคุณสนธิ (ที่ไม่ใช่พึ่งมาติดตามตอนเขาไล่คุณทักษิณในช่วงปีสองปีนี้เท่านั้น) จะรู้ดีว่าคุณสนธิ ไม่ถูกกับอดีตผู้ว่าแบงค์ชาติคนนี้อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการยุให้นายกทักษิณ (ในสมัยนั้น) ปลดผู้ว่าคนนี้อย่างทันที เมื่อผู้ว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุลคนนี้ ดันไปปลดคนรู้ใจเขา คุณวิโรจน์ นวลแข

คุณวิโรจน์ นวลแข เป็นคนที่สนิท เพื่อนรักกับคุณสนธิเพราะว่าเขาเป็นผู้ที่เข้าที่เข้ามาช่วยตอนคุณสนธิประสบปัญหาทางการเงินในเครือ M Groupชองเขาเข้า

คุณสนธิ โจมตีผู้ว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ในสมัยที่ตอนรัฐบาลทักษิณ ยังเรืองอำนาจอย่างที่สุด พร้อมแถมท้าย ให้รัฐบาลทักษิณ ปลดผู้ว่าคนนี้ (ในตอนที่รัฐบาลทักษิณยังผูกมิตรกับคุณสนธิ)

"วันนี้ท่านไม่ใช่คุณชายอุ๋ย ที่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ และท่านก็บอกว่าท่านลาออกจากกรรมการแต่ในข้อเท็จจริงท่านก็ถือหุ้นอยู่ ท่านต้องระวังตรงนี้อย่างมากๆ ตรงนี้แหละครับคุณสโรชา ที่ผมเอง ผมไม่อยากจะให้ท่านพลาด

ในเมื่อท่านสามารถเอานโยบายของการควบคุมทางการเงินที่เขาเรียกว่าบัสเซิลทู ซึ่งตามกฎกติกาแล้วเมืองไทยจะใช้เมื่อปี 2550 ท่านบอกว่าท่านอยากให้สถาบันการเงินไทยดี เอามาใช้เดี๋ยวนี้เลย ในเมื่อท่านมีวิสัยทัศน์อย่างนี้ ท่านลาออกมาเล่นการเมืองดีกว่า ท่านอย่าอยู่เลย เพราะถ้าท่านอยู่ไปแล้ว ท่านทำอะไรไป เดี๋ยวคนหาว่าท่านเป็นอย่างโน้นอย่างนี้อีก"


และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่คุณสนธิพูดถึง ธนาคารกรุงไทย ในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ในสมัยนั้น คุณสนธิยังโจมตีผู้ว่าคนนี้ทางเวปไซตร์ของเขาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในนามของเซี่ยงเส้าหลง ถึงขนาดที่กล่าวว่า

"คุณทักษิณตั้งผู้ว่าแบงค์ชาติคนนี้ได้ ก็ปลดผู้ว่าคนนี้ได้ คอยดู"


และยิ่งไปกว่านั้น คุณสนธิ ยังมองผู้ว่าคนนี้เหมือนกับว่าเป็นคนที่เข้ามาเป็นมือที่สาม ภายหลังจากการไล่รัฐบาลทักษิณออกไปได้ ทั้ง ๆ ที่เขาน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการไล่รัฐบาลทักษิณ


แต่แล้วม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คนนี้ กลับเข้ามาเอาเนื้อปลาไปทาน


ติดตามดูกันครับ ว่ามวยคู่นี้ จะเป็นอย่างไร ฝ่ายหนึ่งมีรัฐบาลทหารหนุนอยู่ มีตำแหน่งรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจอยู่ อีกฝ่ายมีสื่อมวลชนพร้อมมาดนักพูดที่พูดให้คนเชื่อได้อย่างน่าทึ่ง ใครจะเป็นผู้ชนะ



มวยคู่ที่สองก็คือระหว่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับ คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร


ใครไม่รู้จักคุณเอกยุทธ แสดงว่าอาจไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ทางการเมืองตัวจริงก็ว่าได้


ผมขออนุญาติท่านที่เชี่ยวชาญทางการเมือง ขอย้อนกลับไปเล่าว่าใครคือเอกยุทธ อัญชันบุตร อย่างBrieflyก่อนล่ะกันครับ


"จอร์จ ตัน" คือชื่อที่ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" โด่งดังในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในฐานะมือบริหาร "เฮดจ์ฟันด์" (กองทุนบริหารความเสี่ยง) มือฉกาจ ที่เล่นกับความเสี่ยงทุกชนิด ทั้งหุ้น ค่าเงิน และความผันผวนของราคาน้ำมัน


เอกยุทธยังเป็นดีลเมคเกอร์ที่เชี่ยวชาญทางด้าน M&A(ควบรวมกิจการ) อยู่ในมาเลเซีย ธุรกิจของเขาราบรื่นในฐานะเพื่อนสนิทลูกชาย ดร.มหาธีร์ อดีตผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของมาเลเซีย


แต่ในเมืองไทยเขาเป็นนักเล่นหุ้นระดับ "พันล้าน" เข้าออกอย่างไร้ร่องรอย จนถูกตั้งฉายานามในหมู่เซียนเมืองไทยว่า "ป.(ป๊อด)ลอนดอน" ซึ่งคนมักเข้าใจผิดว่าเป็น "ปิ่น จักกะพาก" อดีตราชาเทคโอเวอร์เมืองไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษ


หรืออีกด้านหนึ่งของคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็คือเขาเป็นนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของเว็บไซต์ ไทยอินไซเดอร์ ในอดีตเคยต้องคดีแชร์ชาร์เตอร์ และกบฏทหารนอกราชการ เมื่อ พ.ศ. 2528 (กบฏ 9 กันยายน 2528) และหลบคดีออกนอกประเทศ เพิ่งจะเดินทางกลับประเทศไทยหลังจากคดีหมดอายุความแล้ว


แล้วคนนี้มาเกี่ยวอะไรกับการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน?


เขาเป็นคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณ ในช่วงที่รัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจอย่างที่สุด โดยมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ไปที่ตลาดหลักทรัพย์ ฐานอำนาจการเงินของระบอบทักษิณ


เขาเป็นคนที่ทำให้คุณทักษิณ ถึงกับท้า "ว่ามาซดกันตัว ๆ เลยดีกว่า" ต่อหน้าสื่อมวลชนในสมัยที่ทักษิณยังเรืองอำนาจสมัยนั้น


แต่แล้วก็มีบุคคลที่เข้ามาปกป้องรัฐบาลทักษิณอยู่อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ใครคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนผู้ยิ่งใหญ่ นามว่า สนธิ ลิ้มทองกุล


แน่นอนล่ะ ว่าวันนี้ ด้วยจุดยืนที่จะเอาทักษิณออกไปที่เหมือนกันของทั้งคู่ก็ตาม แต่คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็ยังมีความชิงชังส่วนตัวในตัวคุณสนธิอยู่ไม่ใช่น้อยในสมัยที่มาโจมตีเขา


ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวโจมตีคุณสนธิอย่าตรงไปตรงมา ทั้งในนามแฝงของเขา(ไต๋กอ) และ/หรือ จากนามจริงของเขาเองเลยก็ตาม แถมมีคำขู่ไปถึงคุณสนธิอีกอย่างไม่กลัวเกรง ในเวปไซต์ของเขาในวันที่ 7 October 2006นี้

"ก็ขอให้พักผ่อนที่ลอนดอน (SOAS, University of London) ให้สบายๆ ก่อนแล้วกัน และถ้ากลับจากนิวยอร์กเมื่อไหร่...ไม่แน่อาจจะมีของขวัญไปฝากให้ถึงสำนักงาน…"


คู่นี้จะเป็นอย่างไร นับเป็นคู่ที่น่าจับตามองกันอีกคู่หนึ่ง ว่าคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร จะแค่ขู่ หรือว่าเอาจริง แล้วคุณสนธิ จะสู้ หรือจะตั้งรับ อันนี้ผมเอง ก็ตอบไม่ได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด


วันนี้ผมยกตัวอย่างคู่ Samples ให้ดูก่อนสองคู่ ไว้วันหลัง จะมาUpdate คู่อื่น ๆ ให้เพิ่มอีกมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กันเชิงยุทธศาสตร์ของระหว่างทุนเก่ากับทุนใหม่ในมิติต่าง ๆ เป็นต้น


ผมเคยให้ความเห็นว่า สังคมเราพังไปแล้ว ใครบอกว่าบ้านเมืองเราสงบสุขแล้ว ผมขออนุญาติที่จะเห็นตรงข้ามด้วยเถอะครับ แต่จะพังอย่างไร คนที่จะมาตายเนื่องด้วยเหตุการณ์ Coup De'tatครั้งนี้ เป็นฝ่ายไหน ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกันครับ


กล่าวโดยสรุปคือ อันนี้ผมไม่ได้มองว่าใครถูกใครผิด เพราะถึงที่สุดแล้ว ผู้ชนะก็จะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์เสมอ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า "The Winners Write History"


ถึงที่สุดแล้ว คุณจะเห็นว่า รัฐศาสตร์ ก็คือเป็นการศึกษากระบวนการแบ่งปันและถ่ายโอนอำนาจในกระบวนการตัดสินใจ เป็นศาสตร์ที่แย่งช่วงชิงอำนาจของกันและกัน คนนึงไป คนนึงมา ไม่มีจีรังยั่งยืน


หรือกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็คือรัฐศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง กระบวนการทางการเมือง สถาบันทางการเมือง รวมถึงปรากฎการณ์ต่างๆทางการเมือง การกำหนดยุทธวิถีในทางการเมือง ตลอดทั้งการนำพาประเทศไปในทิศทางต่าง ๆ โดยใช้การเมืองเป็นพื้น
ฐานของการขับเคลื่อนประเทศ


การศึกษารัฐศาสตร์เป็นการศึกษาในลักษณะของสหวิทยาการ โดยอาศัยองค์ความรู้ในศาสตร์สาขาอี่นมาช่วยในการอธิบายหรือประกอบในการศึกษาปรากฎการณ์ทางการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้น


โดยส่วนตัว บางครั้ง ผมก็ไม่ตำหนิฝ่ายที่เล่นการเมืองเชิงมิติของยุทธวิธีนะ เพราะผมเข้าใจว่าเขาจำเป็น


แต่บางทีเราเล่นกันเกินไป คือตอนนี้การเมืองไทย เขาเล่นกันแบบหมดหน้าตัก คือคนนึงต้องอยู่ อีกคนต้องไป สังคมเลยแตกเป็นสองส่วนอย่างเห็นได้ชัด อันนี้มันเกินไป แล้วผมถามว่าสังคมแบบนี้หรือ เป็นสังคมที่คนไทยอยากจะอยู่ จริง ๆ


สังคมที่มีแต่ความเกลียดชัง สังคมที่เราต้องเห็นอีกคนเป็นคนที่เป็นสีขาว อีกคนต้องเป็นสีดำ

แล้วสุดท้าย ประเทศชาติเราได้อะไรหรือครับ ?

Comments:
I read laew ja. - MaShI -
 
keep writing your thoughts!!

it is the fundamental right of being under democracy !!

i enjoy reading your writing!


Aerospace!
 
Thank you for your visiting.

:)
 
Hello Everyone,

Someone asked me personally about who said this following quote, and who does he really want to mean?

"ก็ขอให้พักผ่อนที่ลอนดอน (SOAS, University of London) ให้สบายๆ ก่อนแล้วกัน และถ้ากลับจากนิวยอร์กเมื่อไหร่...ไม่แน่อาจจะมีของขวัญไปฝากให้ถึงสำนักงาน…"

Expected Speaker : Khun Akeyuth as namely anonymous ไต๋กอ

He wants to mention directly to Sondhi (Manager and ASTV), not ousted PM Thaksin and not General Sonthi as well.

Anyhow, any question is always welcome.

Thank you.
 
Post a Comment



<< Home

This page is powered by Blogger. Isn't yours?