Thursday, October 26, 2006

 

สุรวิชช์ วีรวรรณ - คอลัมนิสคนสนิทของสนธิ ลิ้มทองกุล


วันนี้เรามาดูข้อความของคุณสุรวิชช์ วีรวรรณ ที่ถือว่าเป็นคอลัมนิสชื่อดังคนหนึ่ง ของสำนักพิมพ์ผู้จัดการ และก็ยังถือเป็นคนที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง กันเถอะครับ ว่าคุณสุรวิชช์ คิดเห็นอย่างไรกับผู้นำรัฐประหารครั้งนี้ (พลเอก สนธิ) ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2549


-------------------------- Below is his statment ------------------------------

" ผ่านเดือนแรกของการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณมาแล้ว คนในสังคมเริ่มส่งเสียงกันจ้าละหวั่นว่า ข้อกล่าวหา 4 ข้อที่คณะรัฐประหารใช้อ้างในการล้มรัฐบาลทักษิณนั้นแท้จริงแล้วมันจริงใจหรือไก่กา

ตอนนี้เสียงที่เคยเข้าอกเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องทำรัฐประหารในสื่อมวลชนต่างๆ พร้อมกับเสียงประชาชน เริ่มตั้งคำถามด้วยความงุนงงสงสัย

พล.อ.สนธิครับ ภาพความชื่นชมของประชาชนต่อทหารเป็นภาพที่ทักษิณเคยผ่านมาแล้วในช่วงที่เข้ามาเป็นนายกฯ ใหม่ๆ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ คมช.ในตอนนี้ ก็ไม่ต่างกับบรรยากาศในระยะหลังๆ ที่สื่อมวลชนเริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ

คนเหล่านี้เป็นแนวร่วมของการรัฐประหาร เพราะพอใจในผลลัพธ์ที่พวกเขาเคยต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อย ไม่ใช่พอใจที่ทหารยึดอำนาจ ไม่มีใครลืมหรอกครับว่า หนึ่งปีที่ต่อสู้ขับไล่ระบอบทักษิณนั้น เสียงของผู้นำกองทัพเกือบทั้งหมดล้วนออกมาท้วงติงตำหนิประชาชนที่ออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ ด้วยท่วงทำนองที่ไม่แตกต่างไปกับเสียงของทักษิณและลิ่วล้อสักเท่าไหร่เลย

วันนี้ประชาชนที่เป็นแนวร่วมกำลังถูกทอดทิ้ง ความพยายามสืบทอดอำนาจของคนใน คมช.ร่ำลือกันไปทุกหย่อมหญ้า มีข่าวว่านายทหารบางคนที่เข้ามาชุบมือเปิบมีอำนาจวาสนาใหญ่โตขึ้น เดินสายล็อบบี้นักการเมืองให้จัดตั้งพรรคขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พรรคละ 50-60 เสียงเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจในอนาคต

พล.อ.สนธิครับ ไม่ทราบว่าท่านรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ แต่ภาพเหล่านี้ไม่แตกต่างกับภาพของนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนข้างกายของทักษิณในอดีตเลย

แต่บอกตรงๆ ครับว่า ไม่มีใครกลัวพวกท่านสืบทอดอำนาจหรอกครับ ถ้าหากสนใจประวัติศาสตร์สักนิด บทเรียนในอดีตมีให้พวกท่านศึกษามากมายว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร

ประชาชนอาจใช้เวลา 1 ปีในการต่อสู้กับทักษิณที่มีทั้งความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง มีทั้งเงิน และอำนาจ แต่สำหรับ คมช.น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันครับ

วันนี้ประชาชนที่คัดค้านการรัฐประหารด้วยความบริสุทธิ์ใจกำลังไหลไปรวมกับฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณ พวกเขาอาจจะมีอุดมการณ์เดียวกัน “ชั่วขณะ” เพื่อร่วมกันโค่นล้ม “ระบอบ คมช.” อย่างที่เคยเกิดเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ” มาแล้ว

แล้ว คมช.จะทำอย่างไรครับ จะจับกุมก็ไม่ได้ ถ้ายังไม่มีมาตรการใดที่จะแก้ไขหาทางออก กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกวัน และจะเกิดในหลายๆ พื้นที่ แต่ถ้าเกิด คมช.ตบะแตกใช้กำลังเข้าไปปราบปราม คมช.ก็จะกลายเป็นทรราชแทนทักษิณในทันที

พล.อ.สนธิครับบอกหน่อยสิครับว่าจะทำอย่างไร

พล.อ.สนธิครับ มันไม่ย่ำยีหัวใจประชาชนที่ออกมาต่อสู้กับระบอบทักษิณไปหน่อยเหรอครับ"

--------------------------------- Above is his his statment -------------------



เอาล่ะ เมื่อวันนี้พล.อ. สนธิ เขาไม่ยอมมาตอบ ผมก็ขอตอบแทนพล.อ.สนธิท่านให้ก็ล่ะกันครับ คุณสุรวิชช์ วีรวรรณครับ ว่าจะให้พล.อ.สนธิเขาทำอย่างไร ก็ตอบง่าย ๆ ครับ ว่าให้ไปใช้อำนาจทางทหารไป ข่มขู่สำนักงานอัยการสูงสุดและศาลยุติธรรม ให้ยกฟ้องคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างเร่งด่วนที่สุด พร้อมทั้งช่วยเลื่อน ASTV ไปเป็น Free TV อย่างรวดเร็วที่สุด

ผมก็เห็นใจคนที่ศรัทธาในคุณสนธิ ลิ้มทองกุลเหมือนกันนะครับ ที่วันนึง คนกลุ่มนี้ตื่นขึ้นมา ก็ต้องเชื่อว่า "นายกทักษิณเป็นนายกที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา"

และตื่นเช้ามาอีกไม่กี่วันถัดมา ก็ต้องบอกตัวเองอยู่ตลอดว่า "นายทักษิณ เป็นทรราช เทวทัต เป็นกุ๊ยปากซอยจนตรอก"

และก็อีกล่ะครับ ตื่นมาอีกไม่กี่วัน ก็ต้องชื่นชมทหารว่า "สำหรับตนแล้วรู้สึกดีใจที่มีคนมาทำรัฐประหาร และเห็นด้วยกับทหารอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู"

และก็ตื่นมาอีกไม่กี่วันต่อมา ก็ต้องเปลี่ยนความเชื่อของตน ไปว่าทหารอย่างรุนแรงว่า "ผู้ปกครองวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่วางแผนอยู่ข้างหลังนั้น คิดว่าพวกเราโง่ ท่านยึดอำนาจอีกครั้งไม่ได้หรอก ทางสากลไม่ยอม ไม่มีทาง ทักษิณผมยังไม่กลัวเลยท่าน ผมจะไปกลัวท่านทำไม อย่างมากท่านก็ฆ่าผม กระสุนปืนท่านลั่นออกจากปากกระบอกปืนพวกท่านเมื่อไร เมื่อผมสิ้นชีวิต เมื่อนั้นก็มีเรื่อง ผมไม่กล้าพูดว่าคุณโง่ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงแค่นี้คุณคิดไม่ออก ทำไมคุณถึงไปห่วงถึงการสืบทอดอำนาจของพวกคุณ เชื่อผมเถอะ ทหารหาญ แผลของคุณพฤษภาทมิฬ ยังไม่หายดีหรอก คุณมีปืน มีรถถังจริง แต่ไม่มีอะไรหรอก"

โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็เห็นใจบุคคลที่ชื่นชมคุณสนธิเขาน่ะครับ ว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ ต้องเปลี่ยนมิติแนวความเชื่อของตน ไปอย่างสวิงอย่างสุดขั้วสุด ๆ

ไม่แน่หลายท่านที่ชื่นชมคุณสนธิ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาอาจต้องเปลี่ยนแนวความเชื่อของตน กลับไปเป็นว่า "นายกทักษิณ ก็ยังคงเป็นนายกที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา " อีกครั้ง ก็เป็นได้

ดังนั้น ผมก็อยากให้หลาย ๆ ท่านที่ชื่นชม หรือ เกลียดบุคคลใดก็ตาม ได้มีมิติความคิดเป็นของตัวเอง มั่นใจในความคิดของตัวเอง ดีกว่าที่จะให้ความเชื่อของตัวเองไปตามลัทธิใด ๆ ไปเป็นตัวกำหนดมิติของความเชื่อของท่าน คือเชื่อว่าบุคคลใด ๆ นั้นต้องดีหรือเลวไปแล้ว โดยที่ท่านยังมิได้วิเคราะห์สิ่งนั้นเสียเลย ว่าเป็นอย่างไร

ผมเชื่อว่าความเชื่ออย่างนั้น ไม่เป็นการฝึกให้บุคคลได้ใช้เหตุและผล แต่จะเป็นตัวฝึกความDramatizeแทน

ซึ่งผมมองว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ด้วยความเคราพครับ

Friday, October 20, 2006

 

Sondhi - Sonthi - Thaksin

-

ก็อีกล่ะ ผ่านมาอีกไม่กี่วัน ก็ยิ่งตอบย้ำคำพูดของผม ที่ผมเคยกล่าวไป ให้เป็นจริงมากขึ้น

ณ ขณะนี้ ผมขอแบ่งการกลุ่มก้อนการเมืองเป็นด้วยกันสามกลุ่มหลัก ๆ คือ

กลุ่มที่1 กลุ่มผู้สนับสนุนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

กลุ่มที่2 กลุ่มผู้สนับสนุนพลเอก สนธิ หัวหน้าคณะรัฐประหาร

กลุ่มที่3 กลุ่มผู้สนับสนุนคุณทักษิณ ชินวัตร


ตอนนี้ถ้าใครเป็นคนที่ชอบคุณสนธิ และชื่นชมพลเอก สนธิ คงต้องถึงเวลาที่จะต้องเลือกกลุ่มแล้วครับ ว่าจะอยู่กลุ่ม1หรือกลุ่ม2 เพราะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เขาไม่เอากลุ่มทหารพลเอกสนธิพวกนี้แล้วล่ะครับ

ถึงขนาดที่คุณสนธิถึงคณะรัฐประหารโดยตรง ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของเขา โดยกล่าวว่า



" “วันหลังผมจะเปิดให้ดูว่า เขาวางตัวใครบ้างเป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกับสุภาษิตจีนเขาบอกว่า ศพพ่อยังไม่ทันเย็นเลยลูกสาวจะแต่งงานแล้ว ฉันใดฉันนั้น ชัยชนะที่ได้เพราะว่าประชาชนช่วยส่งให้ ยังไม่ทันไร ยังไม่ทันจะทำเรื่องผิดให้เป็นถูกเลยคิดสืบทอดอำนาจกันแล้ว

พอเราทำเตรียมอาหารให้เรียบร้อย จังหวะเหมาะพอดี เขาก็เอาอาหารใส่กระทะแล้วผัด พอผัดเสร็จเขาตั้งบนโต๊ะ ตูม เขาก็นั่งกินกันแล้ว พอเขานั่งกินกันแล้ว เขาก็บอกว่า เออ ขอบใจนะ พันธมิตรฯ ก็พันธมิตรฯ มีหน้าที่สู้แล้วติดคุกนี่ ก็สู้แล้วติดคุกไป นี่คือทำไม การตัดสินใจแต่ละเรื่องถึงล่าช้า ถึงมีการติดขัดไปตลอด

ผมไม่ได้เสียดายกับการขโมยชัยชนะ เพราะผมไม่ได้ถือว่าผมเป็นวีรบุรุษ ผมเพียงแต่เสียดายจิตใจของพ่อแม่พี่น้องที่เข้ามาร่วมกันสู้ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ด้วยความรักชาติรักบ้านรักเมือง รักแผ่นดิน ผมเสียดายตรงนี้

ทหารหาญ แผลของคุณพฤษภาทมิฬ ยังไม่หายดีหรอก คุณมีปืน มีรถถังจริง แต่ไม่มีอะไรหรอก

อย่ามองอะไรสั้นๆ อย่ามองว่าเมื่อคุณเกษียณแล้วคุณอยากเป็นรัฐมนตรีกลาโหม อย่ามองว่าคุณเกษียณแล้วคุณต้องมาเป็นนายกฯ มันเป็นเรื่องสมมุติทั้งนั้น

คมช. ประเมินประชาชนปี 2549 ผิด แทนที่จะใช้ประชาชนพวกนี้เป็นพื้นฐานสร้างประชาชนพวกนี้ให้เป็นฐานบ้าน ฐานตึกที่แข็งแรงแล้วค่อยสร้างตึกบนฐานอันนี้ กลับไม่สนใจ เรื่องแค่นี้ทำไมคิดไม่ออก ไปห่วงแต่การสืบทอดอำนาจตัวเอง

ผมรู้มาว่ามีคมช.บางคนบอกว่า สนธิมันน่ากลัวต้องเอาโซ่มาคล้องขาเอาไว้ ขอโทษอย่าเดาผิด เพราะผมสู้กับระบอบทักษิณมาแล้ว ไม่กลัวใครอีก อย่างมากก็ตาย แต่ถ้ามีกระสุนออกจากปากกระบอกปืนก็เป็นเรื่อง เวลานี้มีคนในคมช.บางคนมักใหญ่ใฝ่สูงสมคบกับนักกฎหมายบางคน

ระหว่างที่มีการล็อบบี้กันที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) เพื่อบล็อกโหวตให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานนิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว มีนายพลคนหนึ่งพูดตอบคำโต้แย้งที่ผลักดัน นายมีชัย ว่าจะทำให้ฝ่ายพันธมิตรประชาชนที่ต่อสู้มาต้องผิดหวัง ซึ่งนายพลคนนั้นบอกว่า ไม่เป็นไรก็ให้พันธมิตรมันสู้ไป แล้วก็ติดคุกไป”"



แหม พึ่งจะรู้เหรอครับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผ่านไปแค่เดือนเดียวเองนะครับ อย่าพึ่งเป็นคนลืมง่ายอย่างนั้นสิ ตอนนั้นยังชื่นชมทหารอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูอยู่เลยครับ กฎหมายไม่เป็นไรหรอก รัฐธรรมนูญไม่เป็นไรหรอก ฉีกทิ้งไปก็ได้ เพราะมีธงคือการเอานายกทักษิณออก

แต่ตอนนี้ไปว่าทหารเขาซะอย่างนี้ซะแล้ว

ไม่แน่ต่อไป กลุ่มทหารรัฐประหารอาจให้ Free TV คุณก็ได้ แล้วคุณก็ต้องกลืนน้ำลายไปชื่นชมทหารกลุ่มรัฐประหารอีกนะครับ

จะดีเหรอครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น พูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ ระวังจะเสียมวลชนเอานะครับ


อย่างที่ผมเคยบอกน่ะครับ

ผมเชื่อว่าสังคมไทยควรจะต้องเรียนรู้ที่จะจัดการเอาคนที่ตัวเองไม่ชอบออกไปโดยรู้จักอดทนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาไปตามลำดับ ไม่ใช้โดยการฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อจะเอาคนที่ตัวเองไม่ชอบออกไป

ประวัติศาสตร์มันมีให้เห็นอยู่แต่เราไม่เรียนรู้กับมัน เราจะไม่มีหลักของสังคม สังคมจะทำอย่างนี้ทุกๆ คราวไป สังคมที่ทำอย่างนี้ทุกคราวไป เป็นสังคมที่เสี่ยงกับการเกิดความรุนแรง

แล้วประวัติศาสตร์ก็จะวนไปวนมา แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่ประเทศที่เขาเจริญแล้ว เขาไม่เคยประสบ หรือเคยประสบมาเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว ซึ่งต่างกับเมืองไทยอย่างเห็นได้ชัด

โดยส่วนตัวผมอยากให้สังคมไทยควรจดจำว่าปัญญาชนหรือนักวิชาการท่านไหนสนับสนุนการรัฐประหารในตอนนี้ เวลานี้ ผมเชื่อว่านี่จะเป็นตราบาปทางการเมืองที่สำคัญสำหรับนักวิชาการท่านนั้น ๆ และตราบาปนี้จะเป็นเส้นแบ่งของนักวิชาการรุ่นนี้ไปอีกนานแสนนาน

ตอนนี้ หลายท่านอาจจะมองไม่เห็นภาพ เพราะว่าเรายังอยู่ที่ตำแหน่งปี 2534 อยู่ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ บางครั้งนักประวัติศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ หรือรวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องรอให้เวลาเป็นมิติของคำตอบ

คนที่ชื่นชมรัฐประหาร ณ วันเวลานอในตอนนี้ อีกปีสองปีก็อย่าออกไปเดินไล่ทหารหรือรัฐบาลหอยใหม่เขาล่ะกันครับ ให้กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับทหารตอนนี้ออกไปก็พอครับ ช่วงนั้นยิ่งโลกเราร้อน ๆ เพราะ Green House Effect อยู่ ด้วยครับ อากาศร้อน แดดแรง ๆ ออกไปเดินเล่นกลางถนนราชดำเนินอย่างนั้น อาจจะผิวไหม้ได้

ด้วยความเป็นห่วงครับผม

Monday, October 16, 2006

 

สนธิ ลิ้มทองกุล

-

ถ้าใครเป็นแฟนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ติดตามรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ตอนล่าสุดในวันที่13 ตุลาคม 2549 คงจะสงสัยมิใช่น้อย ว่าทำไมคุณสนธิ ถึงพยายามพูดโจมตีFree TVอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้ง ๆ ที่Free TV ณ ปัจจุบัน ก็ไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐบาลทักษิณแล้ว


“สัปดาห์ที่ผ่านมา 25 วันที่ผ่านมา นายจักรพันธ์ ยมจินดา ก็จัดรายการเหมือนเดิม

นายสรยุทธ สุทัศนจินดา ก็จัดรายการถึงลูกถึงคนเรื่องชาวบ้าน หลีกเลี่ยงการเมือง ในยามที่ระบอบทักษิณเสียเปรียบ ในยามที่ระบอบทักษิณได้เปรียบ ก่อนพวกคุณเข้า นายสรยุทธก็จัดรายการข่มขู่ชาวบ้าน ดูถูกพันธมิตรฯ ดูถูกประชาชน วุ่นวาย ทำไมถึงยุ่งนัก เมื่อไรจะจบเสียที ปกป้องนายทักษิณตลอดเวลา

ส่วนไอทีวี โดยนายกิตติ สิงหาปัตย์ ได้จัดการทำสกู๊ปเรื่องรัฐประหารในลักษณะที่มีหางเสียงที่ดูถูกและเหยียดหยามเช่นเคย ทุกวันนี้ไอทีวียังมีเชื้อสายระบอบทักษิณเป็นหนามทิ่มตำรัฐบาล ล่าสุดนายกิตติ สิงหาปัตย์ ทะลึ่งไม่เข้าเรื่องเลยไอทีวี พูดถึงรายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งขาติ พูดจาด้วยน้ำเสียงและท่วงทำนองลักษณะที่ไม่พอใจสภานิติบัญญัติฯ

เขาพูดยังไงรู้ไหม พล.อ.สนธิ คุณฟังให้ดี พูดบอกว่า มีเงินเดือนคนละแสนสี่พันบาท ที่เป็นเงินมาจากภาษีอากรของประชาชน ดังนั้นต่อไปนี้คนเหล่านี้เป็นบุคคลสาธารณะที่จะต้องถูกตรวจสอบ คุณกิตติ คุณบ้าไปหรือ

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล เคยเป็นผู้สื่อข่าวไอทีวี ลาออกไปเป็นนักการเมืองพรรคมหาชนแล้วสอบตก กลับมาทำงานไอทีวีเหมือนเดิม จัดรายการข่าวคู่กับสร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ ปรากฏว่า นางมัลลิกาพูดถึงเรื่องเงินเดือนสภานิติบัญญัติฯ ตามกิตติ สิงหาปัด แล้วดันถามคนดูว่า อยากรู้ไหมว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติเขาทำหน้าที่อะไร ไปดูภาพต่อไปนี้ แล้วเขาภาพคุณประทิน สันติประภพ ชกหน้า ส.ว.อดุลย์ เพื่อป้องกันตัว มันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย คุณมัลลิกา คุณทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง พวกไอทีวีทะลึ่งไม่เข้าเรื่องทุกคน

ผมเสียดายที่เอเอสทีวีเป็นทีวีผ่านดาวเทียม


อันนี้เป็นเรื่องเก่า ที่ผมเคยเล่าไปแล้ว แต่มาเล่าใหม่ โดยเจ้าตัวเอง

ผมเคยกล่าวไว้ในหัวข้อ After Coup De'tat 2006ของบทความผม ตั้งแต่ก่อนที่คุณสนธิจะกล่าวถึงเกือบหนึ่งอาทิตย์ด้วยกัน ที่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนธิอยากให้ASTVของเขา ได้เป็นส่วนหนึ่งของFree TV

ผมก็เข้าใจเขาล่ะครับ ว่าเขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุด ที่ล้มรัฐบาลทักษิณได้ เขาก็ต้องขอของกำนัลบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งเรามาจับตาดูท่าที ว่าพลเอกสนธิ จะให้อย่างที่คุณสนธิขอไหม แล้วถ้าไม่ให้ คุณสนธิจะล้มรัฐบาลพลเอกสุรยุทธนี้หรือไม่ แล้วเมื่อไหร่

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าขึ้นกับสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ ที่ได้ถูกคุณ ธีรยุทธ บุญมี ขนานนามว่า "รัฐบาลแก่" นี้ จะทอนสตางค์อย่างไร ให้คุณสนธิได้พอใจ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวกัน ด้านนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องไปแก้ที่ด้านอื่น ๆ ที่เขาไม่สามารถจัดสรรทรัพยากรไปถึงได้

ประเด็นคือตำแหน่งต่าง ๆ และรวมถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่บุคคลที่ขอมีอยู่อย่างไม่จำกัด อันนี้คือปัญหาของทุกรัฐบาล ที่จะทำอย่างไรให้ลงตัวที่สุด ถ้าไม่ลงตัว ปัญหาต่าง ๆ ก็จะตามมานั่นเอง เหมือนที่รัฐบาลทักษิณเคยเจอมา


เพราะยังผ่านไปได้ไม่กี่วัน คำพูดของผมก็จะกลับเข้ามาเป็นจริงแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็ยังรักกันดีกับการรัฐประหารทั้งนี้อยู่เลย ไม่เชื่อลองวิเคราะห์คำพูดของคุณสนธิที่ได้กล่าวไว้ในรายการเมือไทยรายสัปดาห์


ทหารมาเพื่อทำให้ประชาธิปไตยดีขึ้นกว่าเก่า ซึ่งเราต้องดูต่อไปว่าจริงหรือเปล่า เดิมทีก็เชื่ออย่างนั้น แต่ตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่ได้หมายความว่าผมไม่มีศรัทธากับคุณแล้วนะ พล.อ.สนธิ ผมยังมีศรัทธากับคุณอยู่ แต่ผมอาจจะไม่มีศรัทธากับคนใกล้ชิดคุณ

หลายท่านที่ได้ติดตามการเมืองมาอย่างใกล้ชิด อาจจะคุ้นกับคำพูดของคุณสนธิ ที่ว่า "ผมยังมีศรัทธากับคุณอยู่ แต่ผมอาจจะไม่มีศรัทธากับคนใกล้ชิดคุณ" ที่เป็นคำกล่าวยอดฮิตของเขา ที่ใช้เริ่มกล่าวโจมตีรัฐบาลทักษิณ ในช่วงแรก ๆ ที่รัฐบาลทักษิณ เมินเฉยคำพูดของเขา

ซึ่งจะเห็นเลยว่า ณ วันเวลานอนี้ เป็นคำพูดที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ต้องการส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลแก่และพลเอกสนธิอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าถ้าทอนสตางค์มาให้เขาไม่ครบ เป็นอันเห็นดีกัน


สุดท้ายแล้ว เชื่อผมสิครับ ว่ามิติของการเมืองก็คือการทอนสตางค์ซึ่งกันและกัน โดยที่เอายุทธศาสตร์ในด้านต่าง ๆ เข้ามาเล่น

ผมถึงบอก ผมไม่ตำหนินะ ถ้าใครจะเล่นกันเชิงยุทธศาสตร์ เชิงยุทธวิธี แต่บางครั้งเราเล่นกันมากเกินไป เล่นกันทางด้านยุทธศาสตร์มากเกินว่าด้านวิชาการ แล้วสุดท้ายก็มีแต่ทำให้ประเทศโดยส่วนรวมเสียหาย

ซึ่งแน่นอนล่ะ ว่าบุคคลที่ได้รับชัยชนะ ก็จะเป็นคนบอกว่าตัวเขาเองถูกต้อง อันนี้เป็นความจริงที่เราไม่สามารถปฎิเสธได้ แต่ชัยชนะที่ได้มาบนการทำสงครามที่รุนแรงเกินไป สงครามที่เล่นกันแบบหมดหน้าตัก ให้ความDramatizeเข้าหาสังคมกันจนเกินพอดี

ผมถามว่าสังคมอย่างนี้ เป็นสังคมที่น่าอยู่จริง ๆ หรอกหรือ

หรือกล่าวอีกนัยยะก็คือ ชัยชนะบางครั้ง อาจจะดูเหมือนจะดีก็ได้ในมิติของผู้ชนะ แต่ถ้าชัยชนะนั้น เป็นชัยชนะที่ชนะอยู่บนซากของธงชาติของประเทศไทย คุณภูมิใจกับชัยชนะนั้นไหมล่ะครับ

วันนี้ คุณสนธิ ได้หรือสูญเสียเงินไปเท่าไหร่กับสงครามการเมืองครั้งนี้ ?

วันนี้ นายกทักษิณได้หรือสูญเสียเงินไปเท่าไหร่กับสงครามการเมืองครั้งนี้ ?

แล้ววันนี้ สังคมไทยเรา ได้หรือสูญเสียเงินไปเท่าไหร่กับสงครามการเมืองครั้งนี้ ?

กับเพื่อต้องการชัยชนะกัน เพื่อศักดิ์ศรีของคนเพียงไม่กี่คน ที่สุดท้ายเราก็ไม่มีใครได้อะไรกันเลย นอกจากที่เราบอกกับตัวเองได้ว่า เราชนะแล้ว ผมถามว่าชัยชนะเยี่ยงนั้น เป็นชัยชนะที่น่าภาคภูมิใจแล้วหรอกหรือ?


Sunday, October 15, 2006

 

"Thai style"

-

Today, I read some discussions about “Thai style” in terms of democratic meaning. It seems to me that the following idea is quite interesting, so that I would like to share this idea to all of you.


Some Thai people like to quote "Thai style" democracy (in addition to all other kinds of "Thai style" objects) in order to justify when bad things happen, when those people agree to the wrong doings either because they are tired of finding the right solutions, or because they are afraid of fighting for the right things (especially when you see tanks and guns).

Quoting "Thai style" is just an excuse, not a solution. But how does it work to win argument and make people leave the problems and satisfied with "Thai style" whatever things (democracy, biggest sexual industry in the world, corruptions) we have?

It works because we are so proud of the independence of Thailand, the only under-developed nation never been colonized, survived WW1,2 mostly intact.

So patriotism is our macho, and if we use it in an argument, it makes us "higher" than others, because if we love the country more than they are, we are correct (you have to say it first to claim the priority of "loving my country").


Those people love to use "Thai style" as excuses NOT to change and convince people to get numb to the obviously wrong things in Thailand.

"Why you want to change the things in our great Thailand?",

"You can’t use western thinking here, it's Thailand. Don’t you love your country?",

"You don’t deserve to be Thai if you want to change this great Thailand, we have our own ways. etc."

Then opposing people will shut up and LEAVE the problems, waiting for another 14-15 years, to have it occur again, if not forever. Sad things about politics and abusive use of patriotism are that they label everything with nationality.


"Democracy? Who needs it, it's western concept, we have Thai style constitutional monarchy here...and boy we love to tear down the constitution when it doesn’t work",

"Science? It's materialisticism, it's western, it makes more and more bad-moral people",

“Computer? Computer is a machine that stores knowledge in its memory, and does automated calculations on that knowledge which can lead to materialisticism and it makes more and more bad-moral people too”


You have to wake up and realize that quoting "Thai style" on the wrong things, and satisfied with it is the ultimately abusive use of patriotism that leads to making Thailand the place which nurtures "malignant growth" and all sorts of social problems.


Thank you anyway for Mr. V For Vendetta to share his definition of “Thai style” in his point of view as my reference.

Monday, October 09, 2006

 

North Korea nuke test

-

Today let me switch from the Thai politics topic to the international politics because of the North Korea’s nuclear action.


Someone may feel shocked when they got to know that North Korea had carried out the nuclear test. From my point of view, this is terrible news, but it is not a surprise to me.


I realize all around the world, including US, UK, Indonesia, Russia, Australia, United Nation, Japan, South Korea, or even China (N. Korea's ally); condemn this kind of nuke action.


It is also my conviction because I can not accept any kinds of war in this century, particularly World War Three.


When I saw these nations around the world condemn this North Korea action, it seems to me that it looks like they denounce about Thai coup de’ tat as well.


Let me come back to talk about North Korea in more details. North Korea, officially the Democratic People's Republic of Korea, is an East Asian country occupying the northern half of the Korean Peninsula.


Its government defines itself as a Communist-led democratic multi-party state of the Juche political ideology, although in practice, it is thought to function as a dictatorship.


North Korea is widely considered to be one of the few remaining Communist states. The government is dominated by the Korean Workers' Party (KWP), to which 80 percent of government officials belong.


Anyway, North Korea's socialist economy has been relatively stagnant since the 1970s. Publicly owned industry produces nearly all manufactured goods. The government focuses on heavy military industry, with an estimated 13% of the nation's GDP being spent on the military as of 2005.


It is obvious that North Korea emphasize on the military industry, particularly WMD (Weapons of Mass Destruction) as nuclear weapons.


In the 1990s North Korea faced significant economic disruptions, including a series of natural disasters, political mismanagement, serious fertilizer shortages, and the collapse of the Soviet bloc.


These resulted in a shortfall of staple grain output of more than 1 million tons from what the country needs to meet internationally-accepted minimum requirements.


The resulting famine killed between 600,000 and 3.5 million people in the DPRK during the 1990s. By 1999, foreign aid reduced the number of famine deaths, but North Korea's continuing nuclear program led to a decline in international food and development aid.


In the spring of 2005, the World Food Program reported that famine conditions were in imminent danger of returning to North Korea, and the government was reported to have mobilized millions of city-dwellers to help rice farmers.


Recent evidence suggests serious food shortages continue.


It seems to me that many of you agree with me that North Korea should think how to deal with their people in terms of food, instead of testing the Nuclear weapon.


I personally believe that North Korea will be truly isolated now, as Thailand was done from Coup de'tat action, but will be many more.


If we compare this North Korea country with Thailand, do you really want us to be as communism like North Korea?


I understand that some of you can claim that communists have some pros too and I agree with you as well, but we should also accept that we are living in the world of democratic which I can’t say whether the democratic way is the best anyhow.


It is true if one day North Korea can beat the US, UK, Australia and Japan, the Thai people who directly support the coup de’ tat (undemocratically means) can claim this Thai coup de’ tat 2006 was right.

But when?

Sunday, October 08, 2006

 

After Coup De'tat 2006

-

มีหลายท่านสงสัย ว่าบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร ในช่วงหลังการเกิดรัฐประหาร ในปี2006ครั้งนี้

ตอนนี้บางท่านอาจเห็นว่าบ้านเมืองเรา แบ่งกลุ่มเป็นเพียงแค่สองหรือสามพวก แต่ในทัศนะของผม ผมเชื่อว่าตอนนี้บ้านเมืองเราแบ่งได้มากกว่านั้นมาก ณ ตอนนี้ และกำลังรบกันเชิงรัฐศาสาตร์อย่างดุเดือด

มาดูทัศนะความคิดผม ว่ามิติการมองของผม เห็นว่าแต่ล่ะกลุ่ม เป็นอย่างไร และใครคือผู้นำของแต่ล่ะกลุ่ม และกลุ่มไหนกำลังจะซุ่มเข้าโจมตีกันและกัน


มวยคู่แรก ที่น่าติดตามชม คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจอกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล

ที่ถ้ารัฐบาลทหารนี้ (ในนามรัฐมนตรีที่คุมทางด้านเศรษฐกิจ) ไม่ได้ให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอกับสิ่งที่คุณสนธิต้องการแล้วล่ะก็ (ไม่ว่าจะเป็นASTVที่จะได้เข้าเป็นFree TVก็ดี หรือผลประโยชน์ทางการโฆษณาต่าง ๆ ก็ดี) มวยคู่นี้ เกิดขึ้นแน่นอนครับ


ซึ่งใครเป็นแฟนคลับคุณสนธิ (ที่ไม่ใช่พึ่งมาติดตามตอนเขาไล่คุณทักษิณในช่วงปีสองปีนี้เท่านั้น) จะรู้ดีว่าคุณสนธิ ไม่ถูกกับอดีตผู้ว่าแบงค์ชาติคนนี้อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการยุให้นายกทักษิณ (ในสมัยนั้น) ปลดผู้ว่าคนนี้อย่างทันที เมื่อผู้ว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุลคนนี้ ดันไปปลดคนรู้ใจเขา คุณวิโรจน์ นวลแข

คุณวิโรจน์ นวลแข เป็นคนที่สนิท เพื่อนรักกับคุณสนธิเพราะว่าเขาเป็นผู้ที่เข้าที่เข้ามาช่วยตอนคุณสนธิประสบปัญหาทางการเงินในเครือ M Groupชองเขาเข้า

คุณสนธิ โจมตีผู้ว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ในสมัยที่ตอนรัฐบาลทักษิณ ยังเรืองอำนาจอย่างที่สุด พร้อมแถมท้าย ให้รัฐบาลทักษิณ ปลดผู้ว่าคนนี้ (ในตอนที่รัฐบาลทักษิณยังผูกมิตรกับคุณสนธิ)

"วันนี้ท่านไม่ใช่คุณชายอุ๋ย ที่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ และท่านก็บอกว่าท่านลาออกจากกรรมการแต่ในข้อเท็จจริงท่านก็ถือหุ้นอยู่ ท่านต้องระวังตรงนี้อย่างมากๆ ตรงนี้แหละครับคุณสโรชา ที่ผมเอง ผมไม่อยากจะให้ท่านพลาด

ในเมื่อท่านสามารถเอานโยบายของการควบคุมทางการเงินที่เขาเรียกว่าบัสเซิลทู ซึ่งตามกฎกติกาแล้วเมืองไทยจะใช้เมื่อปี 2550 ท่านบอกว่าท่านอยากให้สถาบันการเงินไทยดี เอามาใช้เดี๋ยวนี้เลย ในเมื่อท่านมีวิสัยทัศน์อย่างนี้ ท่านลาออกมาเล่นการเมืองดีกว่า ท่านอย่าอยู่เลย เพราะถ้าท่านอยู่ไปแล้ว ท่านทำอะไรไป เดี๋ยวคนหาว่าท่านเป็นอย่างโน้นอย่างนี้อีก"


และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่คุณสนธิพูดถึง ธนาคารกรุงไทย ในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ในสมัยนั้น คุณสนธิยังโจมตีผู้ว่าคนนี้ทางเวปไซตร์ของเขาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในนามของเซี่ยงเส้าหลง ถึงขนาดที่กล่าวว่า

"คุณทักษิณตั้งผู้ว่าแบงค์ชาติคนนี้ได้ ก็ปลดผู้ว่าคนนี้ได้ คอยดู"


และยิ่งไปกว่านั้น คุณสนธิ ยังมองผู้ว่าคนนี้เหมือนกับว่าเป็นคนที่เข้ามาเป็นมือที่สาม ภายหลังจากการไล่รัฐบาลทักษิณออกไปได้ ทั้ง ๆ ที่เขาน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการไล่รัฐบาลทักษิณ


แต่แล้วม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คนนี้ กลับเข้ามาเอาเนื้อปลาไปทาน


ติดตามดูกันครับ ว่ามวยคู่นี้ จะเป็นอย่างไร ฝ่ายหนึ่งมีรัฐบาลทหารหนุนอยู่ มีตำแหน่งรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจอยู่ อีกฝ่ายมีสื่อมวลชนพร้อมมาดนักพูดที่พูดให้คนเชื่อได้อย่างน่าทึ่ง ใครจะเป็นผู้ชนะ



มวยคู่ที่สองก็คือระหว่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับ คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร


ใครไม่รู้จักคุณเอกยุทธ แสดงว่าอาจไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ทางการเมืองตัวจริงก็ว่าได้


ผมขออนุญาติท่านที่เชี่ยวชาญทางการเมือง ขอย้อนกลับไปเล่าว่าใครคือเอกยุทธ อัญชันบุตร อย่างBrieflyก่อนล่ะกันครับ


"จอร์จ ตัน" คือชื่อที่ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" โด่งดังในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในฐานะมือบริหาร "เฮดจ์ฟันด์" (กองทุนบริหารความเสี่ยง) มือฉกาจ ที่เล่นกับความเสี่ยงทุกชนิด ทั้งหุ้น ค่าเงิน และความผันผวนของราคาน้ำมัน


เอกยุทธยังเป็นดีลเมคเกอร์ที่เชี่ยวชาญทางด้าน M&A(ควบรวมกิจการ) อยู่ในมาเลเซีย ธุรกิจของเขาราบรื่นในฐานะเพื่อนสนิทลูกชาย ดร.มหาธีร์ อดีตผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของมาเลเซีย


แต่ในเมืองไทยเขาเป็นนักเล่นหุ้นระดับ "พันล้าน" เข้าออกอย่างไร้ร่องรอย จนถูกตั้งฉายานามในหมู่เซียนเมืองไทยว่า "ป.(ป๊อด)ลอนดอน" ซึ่งคนมักเข้าใจผิดว่าเป็น "ปิ่น จักกะพาก" อดีตราชาเทคโอเวอร์เมืองไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษ


หรืออีกด้านหนึ่งของคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็คือเขาเป็นนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของเว็บไซต์ ไทยอินไซเดอร์ ในอดีตเคยต้องคดีแชร์ชาร์เตอร์ และกบฏทหารนอกราชการ เมื่อ พ.ศ. 2528 (กบฏ 9 กันยายน 2528) และหลบคดีออกนอกประเทศ เพิ่งจะเดินทางกลับประเทศไทยหลังจากคดีหมดอายุความแล้ว


แล้วคนนี้มาเกี่ยวอะไรกับการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน?


เขาเป็นคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลทักษิณ ในช่วงที่รัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจอย่างที่สุด โดยมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ไปที่ตลาดหลักทรัพย์ ฐานอำนาจการเงินของระบอบทักษิณ


เขาเป็นคนที่ทำให้คุณทักษิณ ถึงกับท้า "ว่ามาซดกันตัว ๆ เลยดีกว่า" ต่อหน้าสื่อมวลชนในสมัยที่ทักษิณยังเรืองอำนาจสมัยนั้น


แต่แล้วก็มีบุคคลที่เข้ามาปกป้องรัฐบาลทักษิณอยู่อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ใครคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนผู้ยิ่งใหญ่ นามว่า สนธิ ลิ้มทองกุล


แน่นอนล่ะ ว่าวันนี้ ด้วยจุดยืนที่จะเอาทักษิณออกไปที่เหมือนกันของทั้งคู่ก็ตาม แต่คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็ยังมีความชิงชังส่วนตัวในตัวคุณสนธิอยู่ไม่ใช่น้อยในสมัยที่มาโจมตีเขา


ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวโจมตีคุณสนธิอย่าตรงไปตรงมา ทั้งในนามแฝงของเขา(ไต๋กอ) และ/หรือ จากนามจริงของเขาเองเลยก็ตาม แถมมีคำขู่ไปถึงคุณสนธิอีกอย่างไม่กลัวเกรง ในเวปไซต์ของเขาในวันที่ 7 October 2006นี้

"ก็ขอให้พักผ่อนที่ลอนดอน (SOAS, University of London) ให้สบายๆ ก่อนแล้วกัน และถ้ากลับจากนิวยอร์กเมื่อไหร่...ไม่แน่อาจจะมีของขวัญไปฝากให้ถึงสำนักงาน…"


คู่นี้จะเป็นอย่างไร นับเป็นคู่ที่น่าจับตามองกันอีกคู่หนึ่ง ว่าคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร จะแค่ขู่ หรือว่าเอาจริง แล้วคุณสนธิ จะสู้ หรือจะตั้งรับ อันนี้ผมเอง ก็ตอบไม่ได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด


วันนี้ผมยกตัวอย่างคู่ Samples ให้ดูก่อนสองคู่ ไว้วันหลัง จะมาUpdate คู่อื่น ๆ ให้เพิ่มอีกมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กันเชิงยุทธศาสตร์ของระหว่างทุนเก่ากับทุนใหม่ในมิติต่าง ๆ เป็นต้น


ผมเคยให้ความเห็นว่า สังคมเราพังไปแล้ว ใครบอกว่าบ้านเมืองเราสงบสุขแล้ว ผมขออนุญาติที่จะเห็นตรงข้ามด้วยเถอะครับ แต่จะพังอย่างไร คนที่จะมาตายเนื่องด้วยเหตุการณ์ Coup De'tatครั้งนี้ เป็นฝ่ายไหน ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกันครับ


กล่าวโดยสรุปคือ อันนี้ผมไม่ได้มองว่าใครถูกใครผิด เพราะถึงที่สุดแล้ว ผู้ชนะก็จะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์เสมอ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า "The Winners Write History"


ถึงที่สุดแล้ว คุณจะเห็นว่า รัฐศาสตร์ ก็คือเป็นการศึกษากระบวนการแบ่งปันและถ่ายโอนอำนาจในกระบวนการตัดสินใจ เป็นศาสตร์ที่แย่งช่วงชิงอำนาจของกันและกัน คนนึงไป คนนึงมา ไม่มีจีรังยั่งยืน


หรือกล่าวอีกนัยยะหนึ่งก็คือรัฐศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง กระบวนการทางการเมือง สถาบันทางการเมือง รวมถึงปรากฎการณ์ต่างๆทางการเมือง การกำหนดยุทธวิถีในทางการเมือง ตลอดทั้งการนำพาประเทศไปในทิศทางต่าง ๆ โดยใช้การเมืองเป็นพื้น
ฐานของการขับเคลื่อนประเทศ


การศึกษารัฐศาสตร์เป็นการศึกษาในลักษณะของสหวิทยาการ โดยอาศัยองค์ความรู้ในศาสตร์สาขาอี่นมาช่วยในการอธิบายหรือประกอบในการศึกษาปรากฎการณ์ทางการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้น


โดยส่วนตัว บางครั้ง ผมก็ไม่ตำหนิฝ่ายที่เล่นการเมืองเชิงมิติของยุทธวิธีนะ เพราะผมเข้าใจว่าเขาจำเป็น


แต่บางทีเราเล่นกันเกินไป คือตอนนี้การเมืองไทย เขาเล่นกันแบบหมดหน้าตัก คือคนนึงต้องอยู่ อีกคนต้องไป สังคมเลยแตกเป็นสองส่วนอย่างเห็นได้ชัด อันนี้มันเกินไป แล้วผมถามว่าสังคมแบบนี้หรือ เป็นสังคมที่คนไทยอยากจะอยู่ จริง ๆ


สังคมที่มีแต่ความเกลียดชัง สังคมที่เราต้องเห็นอีกคนเป็นคนที่เป็นสีขาว อีกคนต้องเป็นสีดำ

แล้วสุดท้าย ประเทศชาติเราได้อะไรหรือครับ ?

Tuesday, October 03, 2006

 

Rule of Law

นิติรัฐ หรือที่เรียกกันว่า "Rule of Law" หมายถึง รัฐที่มีการปกครองด้วยกฎหมาย การดำเนินการต่างๆของนิติรัฐย่อมต้องชอบด้วยกฎหมายทั้งเป้าหมาย รูปแบบวิธีการ และเนื้อหาขอบเขต

หรือกล่าวอีกนัยยะหนึ่ง หลักนิติรัฐนั้นคือ รัฐที่กฎหมายเป็นใหญ่ ผู้ปกครองและผู้ถูกปกครองอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน ยอมรับว่าคนจะเชื่อใจการใช้อำนาจของรัฐได้ ว่าจะไม่ออกมารังแกประชาชน

หลักการของนิติรัฐ ก็คือการปกครองโดยกฎหมาย เป็นแบบของการจัดตั้งระบบการเมืองการปกครอง (political system)

ที่อิงอยู่บนฐานรากของหลักยึดพื้นฐาน 3 ประการคือ

(1) ความชอบด้วยระบบกฎหมาย (legal system)

(2) ความชอบด้วยกฎหมาย (legality)

(3) ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (constitutionality)


ทั้งนี้ เพื่อให้หลักยึดพื้นฐานดังกล่าว ทำหน้าที่ในการจัดกรอบการสร้างระบบกฎหมายและระบอบการเมืองการปกครองของรัฐให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และการจัดกรอบการออกกฎหมายให้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญด้วย


ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร หลักนิติรัฐก็ถูกทำลายลงด้วย สิ่งซึ่งคุ้มครองเราทั้งหลายสิทธิเสรีภาพทั้งหลายถูกจำกัดลง แม้เราไม่รู้สึก จริง ๆแล้วมันไม่เหมือนเดิมแล้ว


ผมเชื่อว่าสังคมไทยควรจะต้องเรียนรู้ที่จะจัดการเอาคนที่ตัวเองไม่ชอบออกไปโดยรู้จักอดทนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาไปตามลำดับ ไม่ใช้โดยการฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อจะเอาคนที่ตัวเองไม่ชอบออกไป


แม้ว่าการเลือกตั้ง จะไม่ใช่ทุกอย่างของระบอบประชาธิปไตย แต่อย่างน้อยก็มีฐานความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย แต่การรัฐประหารไม่มีพื้นฐานของความชอบธรรมแห่งมิติประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง

Monday, October 02, 2006

 

General Surayud Chulanont, Interim PM

-

เรามาฟื้นความจำกันกับข่าวBBCกันหน่อยครับ ว่าปี1992 มีใครกล่าวไว้อย่างไรบ้าง

" In 1992, After expressing his displeasure at the crackdown, in which many civilians were killed, General Surayud Chulanont began to campaign for a more modern, accountable army, telling Time magazine: "It convinced me that the army should never be involved in politics." ", from BBC News

เรื่องนี้ มีหลายฝ่ายยินดี หลายฝ่ายอยากจะไว้อาลัย กับเหตุการณ์ครั้งนี้ของประเทศไทย

เช่น

ขอแสดงความยินดีกับโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่ได้นายกรัฐมนตรี(ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง)มาจากศิษย์เก่าของโรงเรียนเป็นคนแรกในปี 2549 หลังจากที่มีศิษย์เก่าจากโรงเรียนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในปี 2519 - 2520 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัคร สุนทรเวช

และในมิติกลับกัน

ขอแสดงความอาลัยกับหลายท่านที่ไม่อยากให้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 โดนฉีกทิ้งโดยการทำรัฐประหารในปี2549 และประชาธิปไตยของประเทศไทยที่ย้อนหลังไป15-39ปี

ยินดีและไว้อาลัยด้วยครับ

ผมมีเรื่องเล่าสนุก ๆ เล่าให้ฟังครับ ถือว่าคลายเครียดไปในตัว

ใคร
เคยติดตามข่าวงานศิษย์เก่านักเรียนไทยของOxBridge ที่คุณอนัน ปันยารชุน (Cambridge) มาโต้วาทีแข่งกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (Oxford)

บรรยากาศในงาน เป็นไปอย่างกันเอง

คุณอนัน เริ่มโจมตีค่ายOxfordก่อน โดยกล่าวว่า Oxford ยังไม่มีนายกรัฐมนตรีเลย แต่Cambridgeมีแล้ว (คือตัวเขาเอง)

คุณอภิสิทธิ์ ในสไตร์ขุนพลของพรรคประชาธิปปัตย์อยู่แล้ว เลยกล่าวกลับไปว่า ถึงค่ายOxford ยังไม่มีคนไหนเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่ค่ายOxford ก็มีหัวหน้าฝ่ายค้านที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ก็แล้วกัน

เล่นเอาเรียกเสียงฮาได้จากผู้ชม ผู้ฟังได้หลายอยู่


แล้วคุณล่ะ

ถ้าให้คุณเลือก ระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือ จะเป็นหัวหน้าฝ่ายค้านที่มาจากการเลือกตั้ง

คุณจะเป็นแบบไหน?


แบบไหนที่จะรักษาความภูมิใจในตัวตำแหน่งได้มากกว่ากัน

แบบไหนที่จะรักษาคุณค่าทางสังคมของระบอบประชาธิปไตยมากกว่ากัน


แบบไหนที่จะรักษาฐานความชอบธรรมจากปวงชนมากกว่ากัน


แบบไหนที่จะรักษาฐานความชอบธรรมของมิติทางด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มากกว่ากัน

แบบไหนที่จะรักษาคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยได้มากกว่ากัน



ผมคงตอบไม่ได้

ให้ผู้อ่านทุกท่านได้คิด วิเคราะห์และตัดสินใจกันเองก็แล้วกันครับ

-----

Additional Information:

มีคนคอมเม้นผมเข้ามา บอกว่าจริง ๆ มีนายกรัฐมนตรีท่านอื่นอีก ที่จบจากมหาวิทยาลัยOxford ก็ขอขอบคุณที่ช่วยแนะนำครับ ซึ่งผมเข้าใจว่าคุณอนันกับคุณอภิสิทธิ์ คงจะหมายถึงบุคคลเท่าที่ไปร่วมในงานน่ะครับ อย่างท่านหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านคงไม่สามารถไปร่วมในงานรวมศิษย์เก่าได้น่ะครับ เพราะว่าท่านเสียไปแล้ว

ยังไงก็ขอบคุณที่ทักท้วง แนะนำกันเข้ามานะครับ

ยินดีอย่างยิ่งครับ เพราะผมก็ไม่ใช่เทวดาที่ไหน บางครั้งก็อาจจะผิดกันได้ก็ได้

ขอบคุณครับ

This page is powered by Blogger. Isn't yours?